วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จับจองพื้นทีส่วนตัวบนเน็ตด้วย Google Blogger


Blog คืออะไร

              Blog มาจากศัพท์คำเต็มว่า WebBlog  คือ เว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ที่เจ้าของหรือ Bloggerสามารถบันทึกเรื่องราวของตนเองลงในเว็บได้ตลอดเวลา นอกจากนี้แล้ว Blog ยังเป็นพื้นที่ให้ Blogger โพสต์ข้อมูล หรือใส่ความรู้ ประสบการณ์ เพื่อเป็นวิทยาทานให้คนอื่นๆ เช่น คุณหมอ เปิดบล็อกแนะนำเรื่องสุขภาพ เป็นต้น การสร้างเว็บบล็อกสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่ซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษา HTML อย่างน้อยขอให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ ภายในเว็บบล็อก จะมีระบบบริหารจัดการเว็บไซต์พื้นฐานให้แล้ว โดยการสร้างเครื่องมือสำหรับ เขียนเรื่อง โพสรูป จัดหมวดหมู่ และลูกเล่นอื่นๆ ที่ผู้จัดทำพยายามสร้างเพื่อดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก ให้เข้าไปใช้บริการ เสน่ห์ของบล็อกอยู่ที่ผู้อ่านและผู้เขียนสามารถโต้ตอบกันได้ (Interactive) โดยการแสดงความคิดเห็นต่อท้ายที่เรื่องนั้นๆ  ข้อแตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์ทั่วไป คือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที             
               ในปัจจุบันบล็อก ถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงานฯลฯ และกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยขณะนี้ได้มีผู้ให้บริการบล็อกมากมายทั้งแบบให้บริการฟรีและเสียค่าใช้จ่ายบน
บล็อกซอฟต์แวร์ หรือ บล็อกแวร์ คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต ในลักษณะของระบบจัดการเนื้อหาเว็บ ที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และผู้เขียนหรือดูแลบล็อกจะแยกจากกันต่างหาก ส่งผลให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ในด้าน HTML
หรือการทำเว็บไซต์แต่อย่างใด ทำให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ บริหารจัดการ เพิ่มเติม ข้อมูลและสารสนเทศแทนได้ นอกจากนี้บล็อกซอฟต์แวร์จะสนับสนุนระบบ WYSIWYG ซึ่งทำให้ง่ายต่อการ

วิธีสร้างบล็อกกับ Blogger

ขั้นที่   การสมัครใช้งาน Blogger สามารถใช้ email ของระบบใดก็ได้ แต่ในระยะยาวแล้วการเชื่อมโยงกับบริการหลายๆอย่างของ Google ควรจะใช้ email ของ Gmail ดัง นั้นในขั้นแรกนี้ให้คุณเข้าไปที่ www.gmial.com เพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้กับ google


ขั้นที่ 2   หลังจากได้บัญชีผู้ใช้แล้ว ให้ไปที่ www.blogger.com เพื่อสร้างบล็อกโดยในการสร้างบล็อกนั้น ก็ให้ใช้ บัญชีผู้ใช้ (user name + password) ที่ได้สร้างไว้ในขั้นที่ 1


                ขั้นที่ 3  ในขั้นต่อมาให้กรอก emailที่ได้จากขั้นที่ 1  ชื่อผู้เขียนบล็อก วันเกิด และยอมรับข้อตกลง
แล้ว Click ที่ปุ่มดำเนินการต่อ


ขั้นที่ 4  การตั้งชื่อเว็บบล็อกสามารถใช้ชื่อที่ชอบได้ตามใจ แต่การกำหนด URL จะต้องไม่ให้ซ้ำกับคนอื่น ๆ ถ้าซ้ำก็ใช้วิธีเปลี่ยนเป็นคำหรือวลีที่ใกล้เคียงไปเรื่อย ๆ(การตั้งชื่อและ URL ของบล็อกควรมี keyword ที่สัมพันธ์กับเรื่องที่จะเขียนด้วย)


                ขั้นที่ 5  ในขั้นสุดท้ายนี้เป็นการเลือกแม่แบบของบล็อก ให้เลือกแม่แบบใดก็ได้เพราะเราจะมาทำการปรับแต่งแม่แบบได้ในภายหลัง



                เมื่อจบ 5 ขั้นตอนข้างต้นถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนการสร้างบล็อก


  
                ขั้นที่ 6 ในขั้นตอนนี้เป็นการเลือกจัดการกับบล็อกที่สร้างขึ้น
คุณสามารถเข้าไปจัดการส่วนต่าง ๆ ของบล็อกได้จาก www.blogger.com หรือ draft.blogger.com 


6.1 ถ้าคุณอาจจะเริ่มเขียนบล็อกเลย ให้อ่านข้อแนะนำการเขียนบล็อกจากบทความ วิธีเขียน และจัดการบทความ
6.2 แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนแม่แบบก่อนให้อ่านบทความ วิธี เปลี่ยน Templates ของBlogger หรืออ่านวิธีออกแบบแม่แบบด้วยตัวเองจากบทความ เครื่อง มือสำหรับออกแบบแม่แบบด้วยตนเอง

สร้างเนื้อหาบน Blog

หลังเส้น คือคุณลักษณะที่ช่วยให้คุณสร้างข้อมูลสรุปโพสต์แบบขยายได้ไว้ในโพสต์บล็อก ดังนั้นโพสต์ที่มีเนื้อหายาวจะปรากฏในรูปของข้อความนำและมีลิงค์ให้อ่านเพิ่มเติม
การสร้างเส้นกั้นในโพสต์บล็อกของคุณนั้นทำได้ง่ายจากในโปรแกรมแก้ไขโพสต์ โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไข HTML ขั้นแรก ให้ตัดสินใจว่าคุณต้องการสร้างเส้นกั้นไว้ในตำแหน่งใดในโพสต์ และวางเคอร์เซอร์ไว้ที่ตำแหน่งนั้น


เมื่อเคอร์เซอร์ของเมาส์อยู่ในตำแหน่งที่จะข้าม ให้คลิกที่ไอคอน แทรกเส้นกั้น ในแถบเครื่องมือ


การคลิกที่ไอคอนนี้จะเป็นการแทรกแถบสีเทาที่ตำแหน่งของเคอร์เซอร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเส้นกั้นนั้นจะปรากฏในตำแหน่งใดของโพสต์ แถบนี้สามารถลากได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้หลังจากแทรกแล้ว


เมื่อกำหนดตำแหน่งของเส้นกั้นภายในโพสต์แล้ว ก็พร้อมที่จะเผยแพร่โพสต์ของคุณ หลังจากเผยแพร่ คุณจะพบลิงค์ อ่านเพิ่มเติม อยู่ในตำแหน่งที่คุณแทรกเส้นกั้นไว้ เมื่อคลิกที่ลิงค์ อ่านเพิ่มเติมจะเป็นการแสดงข้อความทั้งหมดของโพสต์
ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนข้อความอ่านเพิ่มเติมเป็นวลีที่กำหนดขึ้นเอง คุณสามารถทำได้อย่างง่ายดายในแท็บ การออกแบบ คลิก แก้ไข ในวิดเจ็ต โพสต์บล็อก จากนั้นเปลี่ยน ข้อความลิงก์ไปหน้าโพสต์เป็นข้อความที่ต้องการ

   

นำ Bolg ขึ้นแสดงบนอินเทอร์เน็ต

                สุดท้ายคือการนำ Blog ขึ้นเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต หรือเรียกว่าการ เผยแพร่ (Publish)เป็นการอัพโหลดหน้า Blog ของเราขึ้นไปบนเว็บเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ เพื่อให้ผู้อื่น สามารถเข้ามาเยี่ยมชม Blog ของเราได้
1.ให้คลิกปุ่ม เผยแพร่


 2.เมื่อสร้าง Blog เสร็จแล้ว และสามารถแก้ไข/ดู/ลบ ได้ (ตอนนี้ให้คลิกปุ่ม ดู)


3.จะได้ Blog ที่ขึ้นแสดงบนอินเตอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว


4.แล้วคลิกปุ่ม  เพื่อโพสต์เนื้อหาใหม่เพิ่มเติม โดยจะแสดงที่ รายชื่อ Blog ทั้งหมดของยูสเซอร์นี้ (Configure Blog Archive) เพื่อลิงค์ภายใน Blog

การปรับปรุง blog

การปรับปรุงการทำงาน คือการดำเนินการเพื่อทบทวนงาน กระบวนการทำงานและผลการปฎิบัติงานในหน้าที่รับผิดชอบว่าสิ่งใดสมควรได้รับการพัฒนาหรือปรับปรุงใหม่ เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ (Effectiveness)และประสิทธิภาพ(Efficiency) มากขึ้น
                วัตถุประสงค์การปรับปรุงงาน คือ  1.) ลดขั้นตอนในการทำงานให้มีความคล่องตัวมากขึ้น  2.) เพื่อหาวิธีการดำเนินงานที่ดี ใช้เวลาน้อยแต่ได้ผลมากว่า  3.) ประหยัดทรัพยากรทางการบริหาร ได้แก่ คน เงิน เวลาวัสดุ อุปกรณ์           4.) สร้างบรรยากาศการทำงานเป็นทีมทีดี เพราะผู้ปฏิบัติงานจะร่วมมือกันในการพัฒนาหาวิธีการทำงาน 5)  ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงวิธีการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับความต้องการและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
กระบวนการปรับปรุงการทำงาน  1.) กำหนดงานที่ต้องการปรับปรุง  2.) กำหนดวัตถุประสงค์ของการปรับปรุงงาน  3.) รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน  4.) เขียนการไหลของงาน (Work Flow) วิธีการเขียนการไหลของงานมักใช้สัญลักษณ์แทนเหตุการณ์หรือกิจกรรม เช่น รูปวงกลม คือการปฏิบัติงาน ,รูปลูกศร คือการเดินของงาน , รูปสี่เหลี่ยม คือการตรวจสอบงาน,รูป ตัว D คือความล่าช้าในการปฏิบัติงาน,รูปสามเหลี่ยมหัวลง คือ การเก็บรักษา  5.) การพัฒนาแนวทางในการปรับปรุงการทำงาน  6.) การเลือกแนวทางในการปรับปรุงการทำงาน  7)การปฏิบัติและประเมินผล
                หลักการปรับปรุงงานการทำงาน ใช้หลัก 5W1H  คือ WHY (ทำทำไม) WHAT(ทำอะไร)WHERE (ทำที่ไหน) WHEN (ทำเมื่อไร) WHO (ใครทำ) HOW (ทำอย่างไร)
                การวิเคราะห์ขั้นตอนการปฏิบัติงาน(OBA) Operation Breakdown Analysis  คือ การเขียนขั้นตอนการปฏิบัติงานต่างๆที่ผู้ปฎิบัติทำจริง   การเขียน OBA เพื่อนำมาใช้ตามกระบวนการปรับปรุงงานในขั้นที่3 (การรวบรวมข้อมูล)แล้วนำมาเขียนการไหลของงาน(ขั้นตอนที่4)ก่อนที่จะนำไปพัฒนาแนวทางในการปรับปรุงงานตามขั้นตอนที่5
เทคนิคการปรับปรุงการทำงาน 1.) เทคนิคการใช้คำถาม ทำไม และทำไมไม่  ก็มีประโยชน์มากสำหรับงานที่ทำอยู่ทุกวันเป็นปกติ ให้ถามว่า ทำไปทำไม ส่วนงานใหม่หรือวิธีใหม่ที่ยังไม่เคยทำมาก่อน ให้ถามว่า ทำไมไม่ทำแบบใหม่ที่ว่านี้ 2.) เทคนิคการเลียนแบบ เป็นแนวทางการปรับปรุงงานจากการศึกษาผู้อื่นแล้วนำมาใช้เป็นแนวทางการพัฒนาปรับปรุงงานของเรา   3.) เทคนิคการใช้คำถาม  อะไรจะเกิดขึ้นถ้า เป็นการกระตุ้นความคิดเพื่อให้เกิดภาพของอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากยังทำงานกันแบบเดิมหรือคิดแบบเดิม  4.) เทคนิคการเปรียบเทียบ เป็นการวิเคราะห์เปรียบเทียบขั้นตอน หรือวิธีการแบบเดิมกับวิธีการแบบใหม่ว่าจะมีผลดี หรือผลเสียอย่างไร

ปัจจัยความสำเร็จของการปรุงปรุงการทำงาน 1.) การทำงานเป็นทีม ผู้ร่วมงานทุกคนต้องมีจิตสำนึกในการทำงานเป็นทีมเพื่อเป้าหมายเดียวกัน ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์  2.) ภาวะผู้นำ  ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติงาน ต้องเป็นผู้ริเริ่ม กระตุ้น ผลักดันให้ผู้น้อยเห็นความสำคัญในการปรับปรุงการทำงานที่มีผลต่อองค์กรและงานในความรับผิดชอบของแต่ละคน  3.) ตระหนักในคุณภาพ เห็นความสำคัญของการปรับปรุงคุณภาพการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง  4.) การให้รางวัล  เป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ  5.) ระบบสารสนเทศ การปรับปรุงงานที่ได้ผลต้องอาศัยข้อมูล ความจริง เกี่ยวกับงานเพื่อนำมาวิเคราะห์หาแนวทาง พัฒนา หรือปรับปรุงงานให้ได้ผล

วิกิพีเดีย สารานุกรมออนไลน์



 วิกิพีเดียสารานุกรมเสรีที่ทุกคนสร้างได้

                วิกิพีเดีย (Wikipedia) เป็นสารานุกรมที่ทุกคนมีส่วนช่วยกันสร้างขึ้นอย่างเสรีบนอินเทอร์เน็ต มีมากมายหลายภาษา โดยทุกคนสามารถที่เข้าไปอ่านบทความ แก้ไข ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงได้สารานุกรมที่มีความสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และทุกการแก้ไขที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกเก็บไว้ในแฟ้มประวัติตลอดไป


2012117_56584.jpg (450×360) 


Wikipedia  คืออะไร

                Wikipedia  คือ  สารานุกรม ซึงมีหลายภาษา สามารถเข้าไปอ่านได้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องสมัครสมาชิกใดๆ อีกทั้งยังสามารถปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหา ซึ่งทำให้วิกิพีเดียกลายเป็นสารานุกรมที่ได้รับการแก้ไขรวบรวมและดูแลรักษาจากอาสาสมัครทั่วโลก ผ่านซอฟต์แวร์ ชื่อ มีเดียวิก ในปัจจุบันวิกิพีเดียมีทั้งหมดมากกว่า 250 ภาษา สารานุกรมวิกิพีเดียได้รับการยอมรับจากนักวิชาการและสื่อมวลชน เนื่องจากเนื้อหาเปิดเสรีให้สามารถนำไปใช้ได้ รวมถึงเปิดเสรีที่ให้ทุกคนแก้ไขรวมถึงนโยบายมุมมองที่เป็นกลางจากทุกฝ่ายที่เขียนในสารานุกรม ดังนั้นข้อมูลใน Wikipedia จึงค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือสูง  และการที่ Wikipedia เป็นเสรีสารานุกรม ที่ทุกคนสามารถเข้ารไปแก้ไขและเพิ่มเติมข้อมูลได้นี้เอง จึงทำให้มีผู้ประสงค์ร้ายใส่ข้อมูลเข้าไปผิดๆ แม้ส่วนใหญ่บุคคลเหล่านั้นจะถูกจับได้แล้ว แต่ท่านทั้งหลายก็ควรระวัง และอ่านข้อมูลจาก Wikipedia อย่างมีวิจารณญาณ ไม่หลงเชื่อข้อมูลที่ผิดจากบุคคลเหล่านั้น
                ปัจจุบันมีหลาย ๆ เว็บที่นำ wiki มาเป็น Engine นำ Content ขึ้นแสดงแทนที่จะใช้โปรแกรม
CMS เพราะลูกเล่นในการเชื่อมโยงเนื้อหา ควบคุมการเข้าถึงข้อมูลที่ดีกว่า CMS ทั่ว ๆ ไป และการใช้งานยังง่าย (ถ้าเข้าใจวิธีใช้แล้ว) เพราะเจ้าของเว็บสามารถแก้ไขข้อมูลจากหน้าเว็บได้เลย

ข้อดี

1.เนื้อหาเปิดเสรีให้สามารถนำไปใช้ได้
2.เปิดเสรีที่ให้ทุกคนเขียน แก้ไขข้อมูล โดยทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน
3.เผยแพร่สืบต่อกันได้อย่างเสรี
4.นโยบายมุมมองที่เป็นกลางจากทุกฝ่ายที่เขียนในสารานุกรม

ข้อเสีย

1.การนำไปใช้อ้างอิงในเอกสารทางวิชาการยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่-วิกิพีเดียมีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหน
2.ไม่สามารถป้องกันผู้ประสงค์ร้ายเข้าไปทำลายข้อมูลหรือสิ่งดีๆ
3.ไม่มีระบบตรวจสอบความถูกต้อง


เข้าสู่วิกิพีเดียประเทศไทย


                เมื่อเราเข้าสู่เว็บไซต์วิกิพีเดียในครั้งแรกจะเป็นหน้าวิกิพีเดียสารานุกรมภาษาอังกฤษ เราสามารเปลี่ยนไปใช้งานสารานุกรมภาษาไทย หรือภาษาอื่นๆได้จากส่วนล่างของหน้าต่างนี้ ซึ่งจะแบ่งประเทศออกเป็นหมวดหมู่ตามคำในสารานุกรมภาษานั้นๆ



การค้นหาข้อมูลในวิกิพีเดีย


                ในการค้นหาข้อมูลจากวิกิพีเดียสารานุกรมนั้น เป็นการค้นหาบทความ หรือคำที่เกี่ยวข้องกับคำที่เราต้องการโดยการค้นหาบทความมีวิธีการง่ายๆ ให้เราป้อนคำที่เราต้องการค้นหาลงในช่องว่าง และคลิกที่ปุ่ม ไป วิกิพีเดีย จะแสดงบทความเกี่ยวกับคำที่เราต้องการซึ่งประกอบด้วย ความหมายคำ สารบัญประกอบบทความ รูปภาพ พร้อมกับแนะนำเว็บไซต์อื่นๆ ที่เราสามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้

การเชื่อมโยงของวิกิพีเดีย

                วิกิพีเดียจะเก็บข้อมูลในลักษณะที่เป็นหน้าๆ ซึ่งในแต่ละหน้าจะเชื่อมโยงกันด้วยลิงค์ของคำ ลิงค์สีน้ำเงินหมายถึงบทความที่มีดารเขียนไว้แล้ว และลิงค์สีแดงหมายถึงคำที่ยังไม่ได้มีการเขียน เราสามารถคลิกที่ลิงค์สีน้ำเงินเพื่อเข้าไปอ่านบทความ หรือแก้ไขบทความนั้น

แก้ไขข้อมูลในวิกิพีเดีย

                เนื่องจากวิกิพีเดียเป็นสารานุกรมเสรีที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ดังนั้นเราจึงสามารถเข้าไปแก้ไขบทความ หรือเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นได้


วิกิทราแวลสารานุกรมฉบับท่องเที่ยว

                นอกจากวิกิพีเดียสารานุกรมเสรี แล้วยังมีวิกิทราแวล (Wikitravel) ซึ่งเป็นสารานุกรมฉบับท่องเที่ยว ซึ่งนำเสนอเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั่วโลก ตั้งแต่ข้อมูลของประเทศต่างๆ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ ประชากร ประเพณีและวัฒนธรรม และข้อมูลที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งหมดได้แก่ ที่พัก การเดินทาง อาหาร รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกด้วย


สรุป

                ในการค้นหาข้อมูลจากวิกิพีเดียนั้น ได้ป้อนคำที่เราต้องการค้นหาลงในช่องว่าง แล้วคลิกที่ปุ่ม ไม่ วิกิพีเดียจะแสดงบทความที่เกี่ยวกับคำที่เราต้องการค้นหาซึ่งประกอบด้วย ความหมายของคำ สารบาญประกอบบทความ รูปภาพ และเว็บไซต์อื่นๆ ที่สามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้

BitTorrent ดาวน์โหลดไฟล์อย่างไร้ขีดจำกัด


          หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Bit Torrent มาแล้วแต่อาจจะยังไม่รู้ว่า Bit Torrent คืออะไรและเอาไว้ทำอะไร ถ้าหากเราต้องการใช้งาน Bit Torrent เราต้องเตรียมพร้อมอย่างไรและหาไฟล์เทอร์เรนท์ได้จากที่ไหนในบทนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Bit Torrent

BitTorrent  คืออะไร

                Bit Torrent คือการแลกเปลี่ยนไฟล์ผ่านอินเตอร์เน็ตในลักษณะคล้ายๆ กับ Peer to Peer ในระบบ Network แต่มีความสามารถในการแลกเปลี่ยนสูงกว่า โดยผู้ที่คิดค้นการแลกเปลี่ยนไฟล์แบบ Bit Torrent คือโปรแกรมเมอร์ชาวอเมริกาชื่อ Bram Cohen (แบรม โคเฮน) ซึ่งหลังจากเปิดตัวได้ไม่นานก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเพราะสามารถแลกเปลี่ยนไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ภาพยนตร์ เพลง ฯลฯ ได้อย่างไม่มีปัญหา

ส่วนประกอบของ Bit Torrent

       การทำงานของ BitTorrent นั้นต้องประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ
1. Tracker Client หรือโปรแกรมที่ใช้ในการ Download / Upload ซึ่งมีให้เลือกหลายโปรแกรมเช่น BitTorrent ฯลฯ
2. Tracker Server คือแม่ข่ายทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่าง Client และทำหน้าที่เก็บรวบรวมไฟล์เทอร์เรนท์ไว้
3.Torrent File เป็นไฟล์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลต่างๆ ของไฟล์ที่นำมาทำเป็นเทอร์เรนท์ เช่น ที่อยู่ของไฟล์ เป็นต้น


ความสามารถของ BitTorrent

                Bit Torrent สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว เพราะหลักการทำงานที่สำคัญคือกาเป็นทั้งผู้รับและผู้ส่งไฟล์ในเวลาเดียวกัน


ความต้องการเบื้องต้นของระบบ

                โดยปกติแล้ว BitTorrent สามารถใช้งานกับคอมฯทั่วไปได้ทุกเครื่อง ที่สำคัญคือต้องต่อกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อความรวดเร็วในการดาวน์โหลด/อัพโหลด ในการใช้งาน BitTorrent  นั้นต้องประกอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ดังนี้
                1. ระบบปฏิบัติการ Windows, Mac หรือ Linux
                2. โปรแกรม BitTorrent Clicnt ต่างๆ ตามระบบปฏิบัติการของเรา
                3. โปรแกรม Internet Explorer 6.0 หรือเวอร์ชั่นที่สูงกว่า


BitComet โปรแกรมดาวน์โหลดไฟล์เทอร์เรนท์ยอดฮิต

                Bit Comet  เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างไฟล์เทอร์เรนท์ และดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลที่อ้างอิงโดยไฟล์เทอร์เรนท์ ซึ่งในเนื้อหาส่วนนี้เราจะใช้ Bit Comet สำหรับดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลกัน

ดาวน์โหลด Bit Comet
               
เราสามารถดาวน์โหลด BitComet ได้จากเว็บไซต์ www.downlond.com
ติดตั้ง Bit Comet
                เมื่อเราดาวน์โหลดไฟล์สำหรับติดตั้งโปรแกรมเข้ามาเก็บไว้ในเครื่องแล้ว ให้เราติดตั้งโปรแกรมกัน
เริ่มต้นใช้งาน Bit Comet     
                เมื่อติดตั้งโปรแกรม BitComet เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเราจะเปิดใช้งานโปรแกรม BitComet
ส่วนประกอบในหน้าต่างของโปรแกรม
                ในหน้าตาการทำงานของโปรแกรม จะประกอบด้วยส่วนการทำงานต่าง ๆ

แสดงหน้าจอการทำงานเป็นภาษาไทย

                Bit Comet เป็นโปรแกรมที่ทำงานคล้ายกับบราวเซอร์ ซึ่งเราสามารถเลือกแสดงแทนการทำงานเป็นภาษาไทยได้ โดยเลือก Options > Language > Thai จากนั้นหน้าจอโปรแกรมจะแสดงเมนูการทำงานเป็นภาษาไทย (เพื่อความเป็นสากลตัวอย่างที่นำเสนอจะใช้หน้าจอเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก)


ทดลองดาวน์โหลดไฟล์ด้วย BitComet

                ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ให้บริการดาวน์โหลดไฟล์แบบเทอร์เรนท์อย่างมากมาย แต่ที่สำคัญให้เราระวังเรื่องราวละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย เพราะเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ในตัวอย่างจะแนะนำเว็บไซต์ที่ให้ดาวน์โหลดเทอร์เรนท์ไฟล์เพลง วิดีโอ โปรแกรม เกม และอื่นๆ อีกมากมาย


เปิดดูไฟล์ที่ได้จากการดาวน์โหลด

                เมื่อเราดาวน์โหลดไฟล์จนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ 100% แล้ว ต่อไปเราจะเข้าไปเปิดโฟลเดอร์ของไฟล์เพื่อจะนำไปใช้งานได้ โดยให้เราคลิกที่หัวข้อ Downloaded และเลือกที่รายการดาวน์โหลดและคลิก Open Dir เพื่อเปิดหน้าต่าง Explorer แสดงไฟล์ที่เราได้ดาวน์โหลดไว้มาใช้งาน

ดูรายละเอียดไฟล์เทอร์เรนท์ที่จะดาวน์โหลด
                ในเว็บไซต์ที่ให้บริการดาวน์โหลดเทอร์เรนท์จะมีรายละเอียดของไฟล์ให้เราทราบ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการดาวน์โหลดเราควรจะสังเกตข้อมูลต่างๆ

เลือกดาวน์โหลดเฉพาะไฟล์ที่ต้องกา
                หากไฟล์เทอร์เรนท์ที่ดาวน์โหลดมานั้น ประกอบด้วยไฟล์ข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดไฟล์มาทั้งหมด เพราะเราสามารถเลือกเอาเฉพาะไฟล์ที่ต้องการได้

ดูสถานะของการดาวน์โหลดไฟล์
ในระหว่างที่ทำการดาวน์โหลดเราสามารถดูสถานะการทำงานได้ ดังนี้
                File Nane ชื่อไฟล์ที่ดาวน์โหลด
                Comment เป็นลิงค์ให้เราสามารถคลิกเข้าไปในเว็บเพจที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับไฟล์นี้
                Preview  เมื่อไฟล์นั้นดาวน์โหลดเสร็จจะแสดงลิงค์เพื่อเปิดไฟล์ เช่น "Play" เพื่อเปิดเล่นไฟล์
                Size  ขนาดของไฟล์
                %   เปอร์เซ็นต์ส่วนของไฟล์ที่ดาวน์โหลดเสร็จ     

สัญลักษณ์ของการดาวน์โหลดไฟล์
                ในระหว่างที่ทำการดาวน์โหลดโปรแกรมจะแสดงไอคอนสัญลักษณ์ แจ้งให้เราทราบว่ารายการที่เรากำลังดาวน์โหลดไฟล์นั้นอยู่ในสถานะใด

จัดลำดับรายการที่กำลังดาวน์โหลดไฟล์
                BitComet  จะทำการดาวน์โหลดไฟล์ โดยเรียงลำดับความสำคัญจากรายการบนสุดลงมาถึงรายการล่างสุด สังเกตได้ว่าหากมีรายการที่จะดาวน์โหลดจำนวนมาก โปรแกรมจะดาวน์โหลดรายการสำคัญน้อยกว่าซึ่งอยู่ด้านล่างไว้ ดังนั้นหากเราต้องการลัดคิวให้ดาวน์โหลดไฟล์ในบางรายการก่อน ก๊สามารถทำได้โดยคลิกรายการที่ต้องการ

สั่งหยุดพักและสั่งให้ดาวน์โหลดต่อไป
                ในระหว่างที่เราดาวน์โหลดไฟล์เกิดไฟดับ หรือมีธุระต้องไปทำจึงต้องปิดเครื่อง เราสามารถกลับมาเปิดเครื่อง และโปรแกรม พร้อมทั้งสั่งดาวน์โหลดไฟล์ใหม่อีกครั้ง โดยเลือกรายการแล้วคลิก Start ข้อมูลที่ได้จะอัพเดต ต่อจากเดิม ไม่ต้องเสียเวลาดาวน์โหลดใหม่ทั้งหมด

ย่อหน้าต่างโปรแกรม
                เมื่อเราสั่งให้โปรแกรมดาวน์โหลดไฟล์เรียบร้อยแล้ว ในระหว่างที่รอโปรแกรมดาวน์โหลดไฟล์จนครบนั้น จะต้องใช้เวลาในการรอนาน ดังนั้นเราสามารกสั่งย่อหน้าต่างโปรแกรมเก็บไว้แสดงเป็นไปคอน ที่ System Tray ได้

ปิดโปรแกรม
                เมื่อเราดาวน์โหลดโปรแกรมเสร็จแล้ว ไม่ต้องการเปิดโปรแกรมทิ้งไว้ให้เปลืองหน่วยความจำ สามารถปิดโปรแกรมได้ โดยคลิกขวาที่ไอคอน ที่ System Tray และเลือก Exit เพื่อออกจากโปรแกรม


สรุป

                หลักการทำงานของ BitTorrent คือ การสร้างไฟล์เทอร์เรนท์ขึ้นจากไฟล์ที่ต้องการอัพโหลด แล้วจึงทำการอัพโหลดไฟล์เทอรเรนท์ไปที่เครื่องเซิร์ฟเวอร์แทน (Tracker Server) โดยไฟล์เทอร์เรนท์จะเก็บข้อมูลต่างๆ ของไฟล์เอาไว้ให้ผู้ที่ต้องการดาวน์โหลดสามารถดาวน์โหลดได้โดยตรงจากเครื่องที่เก็บไฟล์โดยไม่ต้องผ่านเครื่องเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนี้ยังมีการทำงานที่สำคัญคือ การเป็นทั้งผู้รับและผู้ส่งในเวลาเดียวกัน

x

การจัดการกับไวรัส


          หลายครั้งที่อาการเครื่องรวน ระบบทำงานช้าผิดปกติ หรือเกิดการรีสตาร์เครื่องเองอัตโนมัตินั้น สาเหตุอาจมาจากไวรัสที่แอบเข้ามาเล่นงานเครื่องของเราเข้าแล้ว นอกจากนั้น ปัจจุบันยังมีโปรแกรมพวกสปายแวร์ที่มาผ่านทางอินเทอร์เน็ตเข้ามาป่วนเครื่องอีกด้วย สำหรับผู้ที่เล่นเน็ตเป็นประจำ เช็คอีเมล์บ่อยๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหาโปรแกรมสำหรับตรวจสอบ/กำจัดไวรัสและสปายแวร์มาติดตั้งไว้บนเครื่อง

ทำความรู้จักไวรัสคอมพิวเตอร์

                ไวรัสคอมพิวเตอร์ คือโปรแกรมที่พยายามเข้าไปอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยไม่ให้เจ้าของเครื่องทราบไวรัสคอมพิวเตอร์แพร่พันธุ์ได้โดยการเกาะติดกับโปรแกรมใช้งาน เช่น โปรแกรม Word และติดกับไฟล์ข้อมูลจนไปถึงขั้นแฝงตัวไปใน Windows
                ไวรัสคอมพิวเตอร์ไม่ได้เกิดขึ้นมาเอง แต่เป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยนักคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเล่นสนุกหรือจงใจต้องการปัญหาให้กับผู้ใช้อื่นๆ โดยลักษณะของไวรัสทุกตัว คือการเข้าไปอยู่ในหน่อยความจำของเครื่อง และพยายามแพร่พันธุ์ทางแผ่นดิกส์หรือผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในองค์กรและอินเทอร์เน็ต


อาการของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัส

                ไวรัสส่วนใหญ่จะพยายามแพร่พันธุ์อย่างเงียบๆ โดยไม่แสดงอาการ รอจนถึงวันที่กำหนดให้แผลงฤทธิ์แต่บางครั้งอาจทำให้เกิดอาการเช่นนี้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
                - เครื่องคอมพิวเตอร์จู่ๆ ทำงานช้าลงจนเห็นได้ชัด
                - โปรแกรมใช้เวลาโหลดนานผิดปกติ
                - โปรแกรมที่ใช้เกิดทำงานไม่ได้ และแจ้งว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
                - ดิสก์ไดร์ฟทำงานทั้งๆ ที่ไม่ได้สั่งให้อ่านหรือเขียนข้อมูล
                - มีข้อความแปลกๆ ปรากฏบนหน้าจอ
                - เครื่องส่งเสียงแปลกๆ ในขณะที่กำลังพิมพ์ข้อความ
                - พบไฟล์ชื่อแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในฮาร์ดดิสก์
                - ไฟล์โปรแกรม (ซึ่งควรมีขนาดตายตัว) มีขนาดเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ

ทำความรู้จัก Norton Antivirus

                ปัจจุบันมีโปรแกรมต่อต้านไวรัสหลายๆ ตัว Norton Antivirus เป็นโปรแกรมต่อต้านไวรัสที่น่าสนใจและได้รับความนิยมมากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะสามารถป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราจากไวรัสได้แทบทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นไวรัสร้ายแรงที่ซ่อนตัว ไว้ใน Bad Sector หรือไวรัสที่ติดมากับอีเมล์
                Norton Antivirus เป็นโปรแกรมที่มีการใช้งานค่อนข้างง่าย สามารถตรวจสอบไวรัสและซ่อมแซมไฟล์ที่ติดไวรัสให้โดยอัตโนมัติ การตรวจจับไวรัสที่ซ่อนมากับอีเมล์ก่อนที่เราจะนำไฟล์อีเมล์นั้นมาใช้ และทำการโหลดข้อมูลเพื่ออัพเดตไฟล์สำหรับตรวจสอบไวรัสตัวใหม่ๆ โดยอัตโนมัติ


ดาวน์โหลดและติดตั้ง Norton Antivirus

                 เราสามารถดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งโปรแกรม Norton Antivirus มาติดตั้งและทดลองใช้งานได้ฟรีเป็นเวลา 15 วัน จากเว็บ www.symantec.com โดยปัจจุบัน Norton Antivirus มีการอัพเดตตัวโปรแกรมเพื่อทำงานร่วมกับ Windows Vista ไว้ด้วย (Vista Upgrade) เพราะเวอร์ชั่นที่ออกมาก่อนหน้านี้สำหรับใช้งานกับ Windows XP เท่านั้น โดยเว็บไซต์ของ Symantec ผู้ผลิต Norton Antivirus ได้เปิดหน้าเว็บเพจ สำหรับผู้ต้องการดาวน์โหลดโปรแกรมไปติดตั้งและทดลองใช้งานบน Windows Vista
     

ตรวจจับไวรัสด้วย Norton Antivirus

                เมื่อสงสัยว่าเครื่องของเราติดไวรัส หรือเมื่อนำแผ่นข้อมูล เช่น แผ่นซีดี/ดีวีดี หรือไดร์ฟความจำมาจากที่อื่น เป็นต้น หรือในกรณีที่อัพเดตข้อมูลไวรัสใหม่เสร็จ ขอแนะนำให้ตรวจสอบไวรัสก่อนทุกครั้ง เราสามารถระบุตำแหน่งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการตรวจหาและกำจัดไวรัส (ในขั้นตอนที่ 3) ได้ดังนี้
                Scan drives : สแกนเฉพาะไดร์ฟที่เราระบุ
                Scan folders : สแกนเฉพาะโฟลเดอร์ที่เลือก
                Scan files : สแกนเฉพาะไฟล์ที่เลือก
                ในที่นี้เลือกสแกนไดร์ฟ ซึ่งจะปรากฏรายการไดรว์ให้เราเลือก จากนั้นจึงคลิกปุ่ม Scan เพื่อให้โปรแกรมเริ่มตรวจหาไวรัสบนไดร์ฟหรือโฟลเดอร์ที่เราระบุ ให้เราคลิกเมาส์ไปที่แท็บ Attention Required เพื่อเลือกรูปแบบการจัดการไฟล์ที่โปรแกรมสแกนพบและคิดว่าน่าจะมีความเสี่ยง (อาจจะเป็นไวรัส)
            Fix : กู้ไฟล์ที่ติดไวรัสให้ใช้งานได้เหมือนเดิม
            Ignore : ไม่จัดการใดๆ กับไฟล์นั้น เช่น กรณีที่ไฟล์ที่มีความเสี่ยงน้อย
            Exclude : หากไฟล์ที่ติดไวรัสเป็นไฟล์ที่ไม่สำคัญ เราก็สามารถเลือกตัวเลือกนี้ เพื่อนำไฟล์ไปกักกันไว้ในส่วนของ Quarantine
                สำหรับไฟล์ที่โปรแกรม Norton Antivirus ตรวจพบ เมื่อเลือก Exclude โปรแกรมจะส่งไฟล์นั้นไปกักกัน (Quarantine) ไว้ก่อน ซึ่งจะไม่สามารถเรียกใช้งานไฟล์นั้นได้


อัพเดต Norton Antivirus เพื่อป้องกันไวรัสใหม่ ๆ

            ปัจจุบันมีไวรัสใหม่ๆ เกิดขึ้นมามากมาย และหากเราไม่อัพเดตให้ Norton Antivirus รู้จักไวรัสเหล่านั้น โปรแกรมตรวจก็จะไม่สามารถจับไวรัสตัวใหม่ ๆ ได้ เราสามารถอัพเดตได้โดนเชื่อมต่อเครื่องของเรากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จากนั้นเปิดโปรแกรม Norton Antivirus ขึ้นมา


Windows Defender จัดการสปายแวร์ที่มากับอินเทอร์เน็ต

           สปายแวร์ คือ ซอฟท์แวร์ขนาดเล็กที่แอบเข้ามาติดตั้งหรือทำงานบนเครื่องของเรา  มักเข้ามาในขณะเปิดเว็บหรือเปิดอีเมล์ หรืออาจแฝงมากับซอฟต์แวร์ฟรีที่ผู้ใช้โหลด อาการที่ออกมาบ่งบอกได้หลายประการ ดังนี้
·                     เมื่อเปิดบราวเซอร์ ปรากฏว่ามีหน้าเว็บอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมาหน้าเว็บแรก และเข้าไปปรับแก้ไขแล้วก็กลับมาใหม่อีกทุกครั้งเมื่อเปิดเว็บ
·                     มี pop up โฆษณาขั้นมาอยู่ตลอด ในขนาดที่เปิดเว็บค้าง โดยที่ไม่ได้มีการคลิกหรือทำอะไรกับหน้าเว็บเลย
·                     มีแถบเครื่องมือ (Tool Bar) แปลกๆ เพิ่มขึ้นมาบนหน้าต่างบราวเซอร์


Windows Defender โปรแกรมจัดการสปายแวร์

                 หากสงสัยว่าเจอกับสปายแวร์เข้าแล้ว เราสามารถใช้งานโปรแกรม  Microsoft Windows Defender ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักสำหรับตรวจสอบและจัดการกับสปายแวร์บนเครื่อง ที่จะถูกติดตั้งมาพร้อม Windows Vista
                การตรวจสอบสปายแวร์ของ Windows Defender นั้นมีขั้นตอนการทำงานที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่คลิกเดียวเราก็สามารถเริ่มต้นตรวจสอบสปายแวร์บนเครื่องได้ทันที
                1. ให้เปิดโปรแกรม Windows Defender ขึ้นมา
                2. จากหน้าต่างโปรแกรม เราสามารถเริ่มต้นสแกนหาสปายแวร์บนเครื่องได้โดยคลิดเมาส์ที่ไอคอน Scan และเลือกรูปแบบการสแกนสปายแวร์ ดังนี้
               Quick Scan   เลือกสแกนหาสปายแวร์บนเครื่องอย่างเร็ว
               Full Scan  เลือกสแกนหาสปายแวร์บนเครื่องทั้งระบบ ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าวิธีแรก (แนะนำให้เลือกตัวเลือกนี้ เมื่อทำการสแกนสปายแวร์บนเครื่องครั้งแรก)
                Custom Scan  เลือกกำหนดตำแหน่งสำหรับสแกนสปายแวร์เอง ซึ่งเราสามารถเลือกสแกนเฉพาะบางไดร์ฟหรือโฟลเดอร์ข้อมูลบนเครื่องได้
         ในที่นี้เราเลือก Quick Scan เพื่อโปรแกรมสแกนหาสปายแวร์บนเครื่องอย่างเร็วทันที


อัพเดต Windows Defender

         เนื่องจากมีการเกิดขึ้นใหม่ของสปายแวร์อยู่เรื่อยๆ ดังนั้นจำเป็นที่เราต้องอัพเดตโปรแกรม Windows Defender เพื่อให้โปรแกรมรู้จักสปายแวร์ตัวใหม่ และสามารป้องกันสปายแวร์ได้อย่างครบเครื่อง


สรุป

                การสนทนาในอินเทอร์เน็ตมี 2 รูปแบบคือ การสนทนาผ่านเซิร์ฟเวอร์ โดยจะพิมพ์ข้อความที่จะสื่อสารไปยังเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นเซิร์ฟเวอร์จะส่งข้อความทั้งหมดมาแสดงบนหน้าจอของทุกคน แบบที่สองคือ การสนทนาระหว่างผู้ใช้โดยตรง เป็นการสนทนาระหว่างผู้ใช้โดยตรง โดยมีเซิร์ฟเวอร์คอยทำหน้าที่เริ่มต้นบอกตำแหน่งให้โปรแกรมของคู่สนทนา  สามารถสื่อสารข้อมูลถึงกัน และส่งข้อความโต้ตอบได้โดยตรง จึงทำให้การสนทนาไม่ล่าช้า

x