อินเตอร์เน็ต (Internet)
นั้นย่อมาจากคำว่า
“International network” หรือ “Inter Connection
network” ซึ่งหมายถึง
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน
เพื่อให้เกิดการสื่อสาร และการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน
โดยอาศัยตัวเชื่อมเครือข่ายภายใต้มาตรฐานการเชื่อมโยงเดียวกัน นั่นก็คือ TCP/IP
Protocol ซึ่งเป็นข้อกำหนดวิธีการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย
ซึ่งโปรโตคอลนี้จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่มีฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกันสามารถติดต่อถึงกันได้
การที่มีระบบอินเตอร์เน็ต
ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายข่าวสารข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้
โดยไม่จำกัดระยะทาง ส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ ทั้งข้อความตัวหนังสือ ภาพ และ เสียง
โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมต่อเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนับเป็นอภิระบบเครือข่ายที่ยิ่งใหญ่มาก
มีเครื่องคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องทั่วโลกเชื่อมต่อกับระบบ
ทำให้คนในโลกทุกชาติทุกภาษาสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ โดยไม่ต้องเดินทางไป
โลกทั้งโลกเปรียบเสมือนเป็นบ้านหนึ่งที่ทุกคนในบ้านสามารถพูดคุยกันได้ตลอด 24
ชั่วโมง ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย
แต่เกิดประโยชน์ต่อสังคมโลกปัจจุบันมาก
ความเป็นมาของอินเตอร์เน็ต
เครือข่ายอินเตอร์เน็ตถือกำเนิดมาในยุคสงครามเย็น
ระหว่างสหรัฐกับรัฐเซีย ในปี ค.ศ. 1960 ซึ่งกระทรวงกลาโหมประเทศสหรัฐอเมริกาเห็นว่าระบบคอมพิวเตอร์สำหรับสั่งการต้องเป็นระบบเครือข่ายที่ใช้งานได้ตลอดเวลา
หากมีการโจมตีด้วยระเบิดปรมาณูที่เมืองใดเมืองหนึ่ง ระบบคอมพิวเตอร์บางส่วนอาจถูกทำลาย
แต่ส่วนที่เหลือทำงานได้
เป้าหมายการวิจัยและการพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ดังกล่าวจึงกลายเป็นโครงการชื่อ ARPAnet
หรือ Advance Research Project Agency net โดยมอบหมายให้กลุ่มมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ทำการวิจัยและเชื่อมโยงเครือข่าย
ในปี
ค.ศ. 1983
ได้มีการนำ TCP/IP Protocol หรือ Transmission
Control Protocol มาใช้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบเป็นครั้งแรก
จนกรทั่งได้กลายเป็นมาตรฐานในการติดต่อในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน
ในปี
ค.ศ. 1986
มีการกำหนดชื่อโดเมน (Domain name System) เพื่อสร้างฐานข้อมูลในแต่ละเครือข่าย
และใช้ ISP (Internet Service Provider) ในการจัดทำฐานข้อมูลของตนเอง ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ทั่วโลกล้วนแต่เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและสามารถติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึงกว่าเดิม
อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย
การเชื่อมต่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ตของประเทศไทยมีจุดกำเนิดมาจากเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระหว่างมหาวิทยาลัยที่เรียกว่า
แคมปัสเน็ตเวิร์ก (Campus
Network) ในปี พ.ศ. 2530 โดยเริ่มที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิทยาเขตหาดใหญ่ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือ AIT ภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลีย
ในปี
พ.ศ. 2531
ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
ได้ยื่นขอที่อยู่อินเตอร์เน็ตในประเทศไทย ซึ่งก็ได้รับที่อยู่ Sritrang.psu.th
ซึ่งเป็นที่อยู่อินเตอร์เน็ตแห่งแรกของประเทศไทย
หลังจากนั้นก็ได้มีการใช้งานอินเตอร์เน็ตชนิดเต็มรูปแบบตลอด
24
ชั่วโมง เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2535
โดยสถาบันวิทยบริการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เช่าวงจร
สื่อสารความเร็ว 9,600 บิตต่อวินาที
จากการสื่อสารแห่งประเทศไทย
ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีบทบาทและมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก
เพราะทำให้วิถีชีวิตเราทันสมัยและทันเหตุการณ์อยู่เสมอ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตจะมีการเสนอข้อมูลข่าวปัจจุบัน
และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ผู้ใช้ทราบเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน
สารสนเทศที่เสนอในอินเทอร์เน็ตจะมีมากมายหลายรูปแบบเพื่อสนองความสนใจและความต้องการของผู้ใช้ทุกกลุ่ม
อินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศสำคัญสำหรับทุกคนเพราะสามารถค้นหาสิ่งที่ตนสนใจได้ในทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปค้นคว้าในห้องสมุด
หรือแม้แต่การรับรู้ข่าวสารทั่วโลกก็สามารถอ่านได้ในอินเทอร์เน็ตจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
ของหนังสือพิมพ์
ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงมีความสำคัญกับวิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบันเป็นอย่างมากในทุก
ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่อยู่ในวงการธุรกิจ การศึกษา
ต่างก็ได้รับประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตด้วยกันทั้งนั้น
สิ่งที่ไม่ควรทำบนอินเทอร์เน็ต
เนื่องจากพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. 2550
ที่มีการประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2550
ที่ผ่านมา มีสิ่งที่ควรระมัดระวังและไม่ควรทำ สรุปได้ดังนี้
1. การแอบเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่น โดยเจ้าของไม่อณุญาต
2. บอกวิธีการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่น เช่น บอก password
ให้คนอื่นทราบ
3. แอบเข้าไปล้วงความลับของคนอื่น
4. การดักจับหรือแอบฟังข้อมูลของคนอื่นบนเครือข่าย
5. เข้าไปแก้ไขข้อมูลของคนอื่น เช่น เข้าไปเปลี่ยนแปลงหน้าเว็บ
6. ยิงแพ็คเกจ ,massage ,virus ,Trojan ,worm เข้าไปก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์ของคนอื่นล่มจนใช้การไม่ได้
7. ส่งอีเมล์ให้คนอื่นซ้ำๆ ทั้งๆ
ที่คนรับไม่ต้องการหรือไม่สามารถยกเลิกได้
8. ผู้ที่สร้างซอฟต์แวร์สำหรับก่อกวน เจาะระบบ ดักจับข้อมูล
หรือไวรัส
9. ส่งอีเมล์หรือเขียนเว็บบอร์ด ดังนี้ ลามก อนาจาร หลอกลวง
ประจานคนอื่นจนได้รับความเสียหาย รวมถึงเจ้าของเว็บ, เจ้าของระบบ
email monitor ที่ยอมให้เกิดปัญหาด้วย
10.
ตัดต่อรูปภาพคนอืน หรือชวนคนอื่นมากดูภาพเหล่านี้
อินเทอร์เน็ตทำงานอย่างไร
เราอาจสงสัยว่าอินเทอร์เน็ตทำงานอย่างไร
คอมพิวเตอร์เน็ตจำนวนมากที่เชื่อมต่อกันจึงสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างถูกต้อง
คำตอบคือเทคโนโลยีที่ใช้มีส่วนสำคัญมาก
TCP/IP ภาษากลางบนอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบัน มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตนับล้านคนทั่วโลกซึ่งแต่ละคนก็ใช้คอมพิวเตอร์ต่างรุ่นต่างแบบกันไปเมื่อเราต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านี้เข้าด้วยกันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกติกากลางเพื่อให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถเข้าใจกันได้ ซึ่งกติกากลางนี้มีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า โปรโตตอล (Protocol)
TCP/IP ภาษากลางบนอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบัน มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตนับล้านคนทั่วโลกซึ่งแต่ละคนก็ใช้คอมพิวเตอร์ต่างรุ่นต่างแบบกันไปเมื่อเราต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านี้เข้าด้วยกันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกติกากลางเพื่อให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถเข้าใจกันได้ ซึ่งกติกากลางนี้มีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า โปรโตตอล (Protocol)

เครือข่ายอินเทอร์เน็ตติดต่อกันผ่านตัวกลางที่มีชื่อเรียนว่า
TPC/IP
สำหรับโปรโตตอลมาตรฐานที่ใช้ในการสื่อสารอินเทอร์เน็ตมีชื่อเรียกว่า TPC/IP
(อ่านว่า ทีซีพี ไอพี) การทำงานโปรโตตอล TPC/IP จะแบ่งข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะส่งไปอีกเครื่องเป็นส่วนย่อยๆ
(เรียกว่า แพ็คเก็ต : packet) และสางไปตามเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยกระจายแพ็คเก็ตเหล่านี้ไปหลายเส้าทาง ซึ่งแพ็คเก็ตเหล่านี้จะไปรวมกันที่ปลายทาง
และถูกนำมาประกอบกันเป็นข้อมูลที่สมบูรณ์อีกครั้ง
รับส่งข้อมูลได้ถูกที่ด้วย IP Address
อีกคำถามหนึ่งที่เราอาจสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของอินเทอร์เน็ต นั่นคือคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่เชื่อมต่อกันรู้ที่อยู่ของเครื่องอื่นได้อย่างไร เช่นเดียวกับการติดต่อหาบ้านหลังหนึ่งในเมืองขนาดใหญ่ให้พบ เราจำเป็นต้องทราบข้อมูล เช่น บ้านเลขที่ ถนน เป็นต้น สำหรับอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน เมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เราต้องทราบที่อยู่ของมันบนอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า ไอพีแอดเดรส (IP Address)
ไอพีแอดเดรด เป็นหมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ซึ่งไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในโลก โดยมีจุด (.) เป็นสัญลักษณ์แบ่งตัวเลขเป็นชุด ซึ่งแต่ละชุดจะมีค่าได้ตั้งแต่ 0 ถึง 255
รับส่งข้อมูลได้ถูกที่ด้วย IP Address
อีกคำถามหนึ่งที่เราอาจสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของอินเทอร์เน็ต นั่นคือคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่เชื่อมต่อกันรู้ที่อยู่ของเครื่องอื่นได้อย่างไร เช่นเดียวกับการติดต่อหาบ้านหลังหนึ่งในเมืองขนาดใหญ่ให้พบ เราจำเป็นต้องทราบข้อมูล เช่น บ้านเลขที่ ถนน เป็นต้น สำหรับอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน เมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เราต้องทราบที่อยู่ของมันบนอินเทอร์เน็ตที่มีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า ไอพีแอดเดรส (IP Address)
ไอพีแอดเดรด เป็นหมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ซึ่งไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในโลก โดยมีจุด (.) เป็นสัญลักษณ์แบ่งตัวเลขเป็นชุด ซึ่งแต่ละชุดจะมีค่าได้ตั้งแต่ 0 ถึง 255
โดเมนเนม
ถึงแม้อินเทอร์เน็ตจะใช้อินเทอร์เน็ตจะใช้ไอพีแอดเดรสในการทำงาน แต่เป็นตัวเลขที่ยาวทำให้ผู้ใช้จำยาก จึงได้มีการใช้โดเมนเนม (Domain Name) หรืออินเทอร์เน็ตแอดเดรดมาใช้ ซึ่งเป็นการนำตัวอักษรที่จำง่ายมาใช้แทนไอพีแอดเดรด โดเมนเนมจะไม่ซ้ำกัน และมักถูกตั้งให้สอดคล้องกับชื่อบริษัท หรือองค์กรผู้เป็นเจ้าของเพื่อสะดวกในการจดจำชื่อ เช่น บริษัท ซัคเซส มีเดีย มีโดเมนเนม successmesia.com และองค์กรการอวกาศแห่งสหรัฐ (NASA) มีโดเมนเนม nasa.gov เป็นต้น
ถึงแม้อินเทอร์เน็ตจะใช้อินเทอร์เน็ตจะใช้ไอพีแอดเดรสในการทำงาน แต่เป็นตัวเลขที่ยาวทำให้ผู้ใช้จำยาก จึงได้มีการใช้โดเมนเนม (Domain Name) หรืออินเทอร์เน็ตแอดเดรดมาใช้ ซึ่งเป็นการนำตัวอักษรที่จำง่ายมาใช้แทนไอพีแอดเดรด โดเมนเนมจะไม่ซ้ำกัน และมักถูกตั้งให้สอดคล้องกับชื่อบริษัท หรือองค์กรผู้เป็นเจ้าของเพื่อสะดวกในการจดจำชื่อ เช่น บริษัท ซัคเซส มีเดีย มีโดเมนเนม successmesia.com และองค์กรการอวกาศแห่งสหรัฐ (NASA) มีโดเมนเนม nasa.gov เป็นต้น
เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเข้าเชื่อมกับระบบอินเทอร์เน็ต
สามารถกระทำได้ 2 ลักษณะ คือ
1.
การเชื่อมต่อโดยตรง การเชื่อมต่อแบบนี้จะเป็นการนำระบบของเราเข้าเชื่อมต่อโดยตรงกับสายหลัก
(Backbone) ของอินเทอร์เน็ต โดยผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า
เกตเวย์ (Gateway) หรือ เร้าเตอร์ (Router) ร่วมกับสายสัญญาณความเร็วสูง โดยเราจะต้องติดต่อโดยตรงกับ InterNIC
ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับสมัครเป็นสมาชิกของชุมชนอินเทอร์เน็ต
เพื่อขอชื่อโดเมนและติดตั้งเกตเวย์เข้ากับสายหลัก
การเชื่อมต่อแบบนี้จะสามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา
จึงเหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นในระบบ 24 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ดี
ค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อลักษณะนี้จะมีราคาแพงมากทั้งทางด้านอุปกรณ์และการบำรุงรักษา
2.
การเชื่อมต่อผ่านทางผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการการเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต
(Internet Service Provider) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ไอเอสพี
(ISP) จะเป็นองค์กรๆ หนึ่งที่ทำการติดตั้งและดูแลเครื่องสำหรับให้บริการ
(Server) ที่ต่อตรงเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ต
ซึ่งอนุญาตให้ผู้สมัครเป็นสมาชิกขององค์กรนำระบบของตนเข้ามาเชื่อมต่อได้ ISP
จึงเปรียบเสมือนช่องทางผ่านเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต
ซึ่งหลังจากที่เราเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตได้แล้ว
เราก็สามารถจะเชื่อมต่อไปยังที่ใดก็ได้ในระบบ
ในการเชื่อมต่อผ่านทาง ISP นี้ยังแบ่งลักษณะการเชื่อมต่อออกเป็น
2 ประเภท ตามความต้องการใช้งานของสมาชิก ดังนี้
1. การเชื่อมต่อแบบองค์กร
(Corporate User Services) เป็นองค์กรที่มีการจัดตั้งระบบเครือข่ายใช้งานภายในองค์กรอยู่แล้ว
จะสามารถนำเครื่องแม่ข่าย (Server) ของเครือข่ายนั้นๆ
เข้าเชื่อมกับ ISP เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้
2. การเชื่อมโยงส่วนบุคคล (Individual User Services) บุคคลธรรมดาทั่วไปสามารถขอเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน์ตได้
โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่เชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์
ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่าโมเด็ม (Modem) ซึ่งค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก
โดยติดต่อขอใช้บริการผ่านการสมัครเป็นสมาชิกของ ISP ซึ่งอาจจะเป็นสมาชิกรายชั่วโมง
รายเดือน หรือเป็นลักษณะสมาชิกสำเร็จรูป แล้วแต่ทาง ISP นั้นๆ
จะให้บริการ โดยทาง ISP จะให้ชื่อบัญชี (Internet
Account Name) และรหัสผ่าน (Password) สำหรับสมาชิกแต่ละคนสำหรับใช้ในการเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต

กำหนดค่าสำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตใน Windows Vita
ขั้นตอนที่ 1 ติดตั้งโมเด็มใน Windows Vista
1. เปิด 'ตัวเลือกโทรศัพท์และโมเด็ม' โดยการคลิกปุ่ม Start คลิก Control Panel คลิก ฮาร์ดแวร์และเสียง แล้วคลิก ตัวเลือกโทรศัพท์และโมเด็ม
2.
คลิกแท็บ โมเด็ม
3.
คลิก เพิ่ม แล้วทำตามคำแนะนำใน เพิ่มตัวช่วยสร้างฮาร์ดแวร์
ขั้นตอนที่ 2 เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตใน Windows
Vista
ก่อนเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้น
นอกจากการติดตั้งโมเด็มบนเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งก็คือการเชื่อมต่อเข้าไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
1.
ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
- ซื้อชุดอินเทอร์เน็ตสำเร็จรูป
- สมัครเป็นสมาชิกรายเดือน
2.
ตั้งค่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตใน Windows Vista
สำหรับการกำหนดรายละเอียดในการติดตั้ง
Dial-Up
Connection หมุนเข้าไปที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแต่ละรายจะแตกต่างกัน
ขอแนะนำให้เราสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่เราสมัครเป็นสมาชิก
1. คลิกเมาส์ที่ปุ่ม Start และเลือก Control Panel
2. ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Network
and Internet
3. คลิกเมาส์ที่เมนู Connect to
Network เพื่อสร้างไอคอนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
4. คลิกเมาส์เพื่อกำหนดการเชื่อมต่อ
5. เลือก Set up a dial-up
connection แล้วคลิกปุ่ม Next
6. กำหนดค่าในการเชื่อมต่อและคลิก Connect
เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
7. แจ้วให้ทราบว่าเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้แล้ว และคลิดเมาส์ปิดการทำงาน
กำหนดค่าสำหรับเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต Windows XP
วิธีการใช้
Internet
Connection Sharing
เมื่อต้องใช้
Internet
Connection Sharing เพื่อแบ่งปันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ
โฮสต์คอมพิวเตอร์ต้องมีอะแดปเตอร์เครือข่ายหนึ่งที่มีการกำหนดค่าการเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายใน
และมีอีกหนึ่งอะแดปเตอร์เครือข่ายหนึ่งหรือโมเด็มที่มีการกำหนดค่าการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตวิธีการใช้
Internet Connection Sharing
บนคอมพิวเตอร์โฮสต์
ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อแบ่งปันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
1.
เข้าสู่ระบบโฮสต์คอมพิวเตอร์ในฐานะผู้ดูแลระบบหรือในฐานะเจ้าของ
2.
คลิกเริ่ม และจากนั้น คลิก 'แผงควบคุม'
3. คลิก การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและเครือข่าย.
4.
คลิก การเชื่อมต่อเครือข่าย
5. คลิกขวาที่การเชื่อมต่อที่คุณใช้ในการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น
ถ้าคุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยใช้โมเด็ม คลิกขวาการเชื่อมต่อที่คุณต้องการภายใต้การเรียกเลขหมาย
6. คลิก คุณสมบัติ
7. คลิกที่แท็บ'ขั้นสูง'
8. ภายใต้Internet Connection Sharingเลือก อนุญาตให้ผู้ใช้เครือข่ายอื่นเชื่อมต่อผ่าน
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เมื่อคุณเลือกกล่องกาเครื่องหมาย
9.
ถ้าคุณกำลังใช้ร่วมกันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายโทรศัพท์ การ สร้างการเชื่อมต่อแบบเรียกผ่านสายโทรศัพท์ทุกครั้งบนคอมพิวเตอร์ของฉัน
เครือข่ายที่พยายามเข้าถึงอินเทอร์เน็ต กล่องกาเครื่องหมายถ้าคุณต้องการอนุญาตให้ คอมพิวเตอร์ของคุณเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติ
10.
คลิกตกลง คุณจะได้รับข้อความต่อไปนี้:
เมื่อเปิดใช้งาน
การใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตร่วมกัน การ์ด LAN ของคุณจะถูกตั้งค่าให้ใช้
IPที่อยู่ 192.168.0.1
คอมพิวเตอร์ของคุณอาจจะสูญเสียการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
บนเครือข่ายของคุณ ถ้าคอมพิวเตอร์อื่นๆ เหล่านี้มีที่อยู่ IP คงที่ แนะนำให้ตั้งค่าคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเพื่อให้รับที่อยู่ IP โดยอัตโนมัติ
แน่ใจหรือไม่ว่าคุณต้องการเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตแบ่งปันการเชื่อมต่อหรือไม่
11.
คลิกใช่
การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตถูกใช้ร่วมกันกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ บน ในข่ายท้องถิ่น (LAN) อะแดปเตอร์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับ LAN มีการกำหนดค่า ด้วยอยู่ IP แบบคงที่ของ 192.168.0.1 และซับเน็ตมาสก์ของ 255.255.255.0
การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตถูกใช้ร่วมกันกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ บน ในข่ายท้องถิ่น (LAN) อะแดปเตอร์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับ LAN มีการกำหนดค่า ด้วยอยู่ IP แบบคงที่ของ 192.168.0.1 และซับเน็ตมาสก์ของ 255.255.255.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น